นักกีฬาและสาวกวิ่งทั้งหลาย วิ่งมากๆมักปวดส้นเท้าฝ่าเท้า หรือช่วงแรกของการวิ่งปวดมาก วิ่งไปสักพักดีขึ้น แต่วิ่งจบปวดส้นเท้าอีก อาการที่กล่าวมาข้างต้นนี้เรียกว่า โรคพังผืดส้นเท้าอักเสบหรือโรครองช้ำ(Plantar fasciitis) โรคพวกนี้มักวินิจฉัยจากประวัติอาการและการตรวจร่างกาย

สาเหตุ
เกิดจากการที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น การออกแรงโหลดลงเท้าซ้ำๆ หรือมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดการฉีกขาดของเยื่อfasciaที่ฝ่าเท้านำไปสู่ปวดและการอักเสบ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิอาการ ได้แก่
การออกกำลังกาย และกีฬา บางชนิดเช่นการวิ่งมาราธอน บัลเลต์ การเต้นแอโรบิค
ความผิดปกติของเท้า เช่น เท้าแบน เท้าโค้งผิดปกติ เป็นต้น
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
อาชีพที่ทำ เช่น ครู พนักงานโรงงาน หรือกลุ่มที่ต้องเดินมากๆ ยืนนานๆ
การปฏิบัติตัวและการรักษา
หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า
สวมใส่รองเท้า หรือตัว support ที่เหมาะสมกับสรีระของเท้า และใส่รองเท้าพื้นนุ่มและมีตัวรองกระแทกส้นเท้า
บริหารเท้าด้วยการ ยืดเอ็นร้อยหวาย และ เยื่อ fascia ของเท้า และกดนวดคลึงเบาๆบริเวณส้นเท้า ฝ่าเท้าอาจใช้ยานวดหรือไม่ก็ได้ รวมถึงการแช่น้ำอุ่น10-15นาที ตอนช่วงเช้าและประคบเย็น10-15นาที เวลาปวด ถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้น1-2อาทิตย์ควรปรึกษาแพทย์



การรักษา
ปฏิบัติตัวดังข้างต้น บางครั้งอาจได้รับการตรวจ X-ray ,MRI หรือผลตรวจเลือดบางอย่างเพื่อหาสาเหตุอื่นที่ทำให้ปวดได้
การทานยาบรรเทาอาการปวดและลดอักเสบ
ส่วนเรื่องการฉีดยา ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์แต่ละท่าน แต่ทางคลินิกไม่นิยมฉีดส้นเท้าเพราะลดอาการปวดได้ดีจริงแต่อาจทำให้ไขมันลองกระแทกส้นเท้าฟีบและฝ่อได้ และการฉีดหลายครั้งทำให้เยื่อfascia อ่อนเเรงและขาดได้ส่งผลให้ปวดเรื้อรังเวลาเดินในอนาคต
กายภาพบำบัดด้วยเครื่องมือทันสมัย เช่น high power laser , shock wave , PMS เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า
สุดท้ายถ้าปวดมากจนทนไม่ไหวเดินไม่ได้ อาจต้องรับการผ่าตัด แต่น้อยรายมากที่จะได้ผ่าตัด
ปวดส้นเท้าอย่าปล่อยให้เรื้อรัง ควรรักษาแต่เนิ่นๆ ทางคลินิกพร้อมให้บริการและคำปรึกษา

Comments